ทำไมจิวเวลรี่ ต้องเป็นทอง 18K
ทอง 18K คือทองแท้ที่มีส่วนผสมของทองคำ 75% นำมาผสมกับโลหะอื่นๆ เช่น เงิน ทองแดง สังกะสี ซึ่งส่วนผสมนี่แหละที่ทำให้เกิดสีขาว (white gold) สีโรส (Rose Gold) สีดำ (Black Gold) เป็นต้น
สาเหตุที่ต้องนำมาผสมกับโลหะอื่นๆก็เพราะ ทองนั้นแข็งไม่พอที่จะนำมาทำเป็นจิวเวลรี่ ซึ่งจะทำให้เครื่องประดับบิดเบี้ยวและเพชรหลุดได้ง่าย เราจะสังเกตุได้ว่าแหวนทองร้อยที่ซื้อจากร้านขายทองเยาวราช เวลาใส่ๆไปมักจะบิดเบี้ยวตามสภาพ สาเหตุก็เพราะทองนั้นนิ่มเกินไปนั่นเอง
แล้วมีกี่ K บ้าง? มีหลาย K เลย ยิ่ง K น้อยก็หมายถึงมีส่วนผสมของทองน้อย โดยมากที่สุดคือ 24K หรือทองร้อยตามเยาวราชนั่นเอง
– 8K : ทอง 33.3% (พบเจอได้ในกลุ่มประเทศยุโรป)
– 9K : ทอง 37.5% (พบเจอได้ในฝั่งอังกฤษและออสเตรเลีย)
– 10K : ทอง 41.6% (ได้รับความนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกา ในเครื่องประดับราคาย่อมเยาว์)
– 12K : ทอง 50% (ส่วนใหญ่มักพบเป็นนาฬิกาโบราณ)
– 14K : ทอง 58.5% (หาพบได้ในตลาดเอเชีย และตลาดต่างประเทศรวมถึงในประเทศสหรัฐอเมริกา มักใช้กับจิวเวลรี่เกรดรอง)
– 18K : ทอง 75% (เป็นที่นิยมมากที่สุด ทอง18k เป็นมาตรฐานทองขั้นต่ำสำหรับขายในอิตาลี)
– 22K : ทอง 91.6 (เราเรียกกันว่าทอง 90 มักนำมาทำ แหวนสีทอง ในกรณีที่ต้องการ % ทองสูงขึ้น และ กรอบพระต่างๆ)
– 24K : ทอง 99.99% (เรามักเรียกกันว่าทองร้อย หรือ ทองบริสุทธิ์ นิ่มเกินไปสำหรับการผลิตเครื่องประดับจิวเวลรี่)
ทีนี้เราก็ทราบกันแล้วว่าทอง 18K นั้นคืออะไร ที่เหลือก็เลือกสีให้เหมาะสมกับบุคคิลและการใช้งานเท่านั้นเอง