สถานการณ์โควิด-19 ยังผันผวน ส่งผลต่อราคาทองคำ
สภาวะตลาดวันที่ 24 เมษายน 2020 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,719.80 - 1,731.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 26,350 บาทต่อบาททองคำ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 26,300 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFJ20 อยู่ที่ 26,620 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 70 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 26,550 บาท ด้านโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส GOM20 อยู่ที่ 1,734.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 1,734.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านแนวโน้มวันที่ 27 เมษายน 2020 รายงานว่ายาต้านไวรัส "Remdesivir" ของบริษัท Gilead Sciences Inc แสดงผลเชิงลบในการทดลองทางคลินิกครั้งแรก ความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความคืบหน้าของพัฒนาการของยารักษาโควิด-19 และหลักฐานใหม่เกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจของสหรัฐจากการระบาดของโควิด-19 เป็นอีกปัจจัยถ่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก จนกดดันการลงทุนในตลาดหุ้น และ สินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อทองคำฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ ราคาทองคำได้แรงหนุนเพิ่มในฐานะสินทรัพย์ที่มีความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เนื่องจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางและรัฐบาลต่างๆ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติร่างกฎหมายเยียวยาธุรกิจวงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์เพื่อรับมือวิกฤติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพิ่มเป็นเกือบ 3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลางที่มีการกำหนดเป้าหมาย (TMLF) เล็งเป้าหมายไปยังการให้เงินสนับสนุนโดยตรงต่อส่วนต่างๆของเศรษฐกิจซึ่งยังคงเผชิญความยากลำบาก ตามหลังการลดต้นทุนการกู้ยืมลักษณะเดียวกันนี้ต่อเครื่องมือสภาพคล่องอื่นๆในชาวงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำได้รับแรงกดดัน จากสกุลเงินยูโรเคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดรอบ 1 เดือน แม้ว่าสหภาพยุโรป (EU) ตกลงจัดตั้งกองทุนฉุกเฉิน 1 ล้านล้านยูโร แต่ค้างรายละเอียดไว้สำหรับภายหลัง ทางด้าน นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวต่อผู้นำสหภาพยุโรปว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหภาพยุโรปอาจร่วงมากถึง 15% และพวกเขาดำเนินการน้อยเกินไป ช้าเกินไป ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหภาพยุโรป หลังการปิดเมืองจากโควิด-19 ทำให้กิจกรรมถูกระงับในเดือนเม.ย. ขณะที่อิตาลีและสเปนเผชิญผลกระทบจากวิกฤติหนัก นอกจากนี้ แนะนำติดตาม ปัจจัยภายในประเทศในเรื่องรายละเอียด พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ว่าจะมีรายละเอียดการกู้อย่างไร รวมทั้ง ความคืบหน้าการผ่อนปรนมาตรการ Lockdown หลังยอดผู้ติดเชื้อ Covid-19 ของไทยลดลงต่อเนื่องและนายกฯของไทย เตรียมทบทวนสถานการณ์ฉุกเฉิน อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเงินบาท และราคาทองคำในประเทศ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ และปัจจัยต่างๆยังคงมีความผันผวน แนะนำนักลงทุน รอจังหวะซื้อเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงสู่แนวรับสำคัญ และนักลงทุนควรปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดปัจจุบัน
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้น โดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,711-1,705 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง หากราคาทองคำยังพยายามทดสอบแนวต้านที่ 1,739-1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้น ยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป
*หมายเหตุ : แนวรับแนวต้านราคาทองคำแท่ง (96.50%) เป็นราคาจากการ Convert ตามสูตรทางทฤษฏี ไม่ได้อ้างอิงจากราคาประกาศของสมาคมค้าทองคำ
แนวรับ 1,712 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 1,699 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 1,685 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวต้าน 1,754 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 1,795 ดอลลาร์ต่อออนซ์